วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เหตุเกิดที่ห้องสมุด


MEMORY OF LOVE
ความทรงจำแห่งรัก.
CHAPTER 14 : เหตุเกิดที่ห้องสมุด
( PART : ความทรงจำของปาร์ค ชานยอล )
 EXO FICTION
By : =KRISLY=


เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วยอารมณ์ที่สดชื่นกว่าวันอื่นนิดหน่อย
เหมือนกับว่าความเหงาในใจของผมมันค่อยๆหายไปทีละนิดๆ เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็เห็นว่ามีคนนอนอยู่ข้างๆ แล้วไหนจะไม่ต้องกินข้าวคนเดียวอีกต่างหาก ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ถือว่าวันนี้เป็นวันที่ดีวันนึงสำหรับผมเลยก็ว่าได้น่ะนะ
ผมไปส่งคนตัวเล็กที่โรงพยาบาลหลังจากที่เรากินข้าวเช้าด้วยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเขาบอกว่าชุดนักเรียนของเขาทั้งหลายอยู่ที่นั่น เนื่องจากว่าเขาขี้เกียจแบกไปแบกมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลบ่อยๆ เขาเลยเอาชุดนักเรียนไปไว้ที่นั่นหมดเลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ตอนแรกผมกะว่าจะรออยู่ในรถ ให้เขาไปอาบน้ำแต่งตัวอะไรให้เรียบร้อยจากนั้นเราก็ค่อยมาโรงเรียนด้วยกัน แต่ยื้อยังไงเขาก็ปฏิเสธผมท่าเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากให้ผมไปโรงเรียนสาย เขากลัวว่าผมจะโดนอาจารย์ดุเอาเพราะถ้าให้พูดจริงๆแล้วก็คือความประพฤติของผมมันก็ไม่ค่อยดีนักหรอก  ละพอผมถามว่าแล้วเขาจะมาโรงเรียนยังไง? เขาก็บอกว่าเขาจะให้พี่ไปส่งที่โรงเรียนเองทีหลัง
มันไม่เห็นเกี่ยวเลยจริงๆนะ ไปสายแล้วไงวะ? โดนอาจารย์ดุแล้วไงวะ? ผมไม่แคร์ซะหน่อย!
แต่เอาเถอะ ผมขี้เกียจทะเลาะกับเขามากมาย เพราะเห็นว่าเขาไม่สบายอยู่หรอกนะผมเลยยอมอะ
“ไหงวันนี้มาเช้าวะไอยอล”
ไอจงอินหันมาถามผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องเรียน แล้วจากนั้นไอเซฮุนที่นอนฟุบโต๊ะอยู่ก็ตื่นขึ้นมามองหน้าผมอย่างอึ้งๆเหมือนกัน
แปลกไรวะแค่กูมาเช้าเอง -_-
“เออว่ะ ทำไมมาเช้าวะ”
ไอเซฮุนถามต่อพร้อมกับอ้าปากหาวหวอด
“กูต้องแวะไปส่งตัวเล็กที่โรงพยาบาล กูเลยตื่นเช้า ..พวกมันจะอึ้งกันทำไมนักหนาเนี่ย กูตื่นเช้าบ้างไม่ได้ไง๊?”
ผมตอบกลับไปก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมา วางกระเป๋าไว้ที่พื้นอย่างไม่สนใจอะไรมากแล้วทิ้งตัวลงนั่งในท่าสบายๆ
“ห้ะ! อะไรนะ มึงไปส่งตัวเล็กของมึงที่โรงพยาบาลเช้านี้หรอ?”
ไอจงอินตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นโคตรๆอย่างปิดไม่มิด
เออนะ กูว่าแล้วว่ามึงต้องเสือก-_-
“เออ ทำไม?”
“แสดงว่าเมื่อวานตัวเล็กของมึงนอนค้างที่บ้านมึงหรอวะJ
ไอจงอินถามต่อ
“เออ เขาไปทำงานแก้ของเจ๊มยุราให้กูอะ”
ผมตอบกลับไปแบบส่งๆ ก่อนจะมองหน้ามันกลับไปแบบนิ่งๆ
ให้ผมเดานะ เดี๋ยวไอนี่แม่งโวยวายแน่นอนอะเชื่อผมมั้ย?
“แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยยยยยย!! นี่มึงรุกเร็วมากนะไอสัส กูพึ่งแนะนำแผนติวรักรสเข้มให้มึงเมื่อวาน พอถึงตอนเย็นมึงก็จัดหนักเลยหรอ!! มึงนี่มันเหี้ยจริงๆว่ะไอยอล ฮ่าๆๆๆ โอ้ยนี่กูแพ้พนันแล้วหรอเนี่ย เสียใจจังเลย เสียใจสัสๆเลยอะมึง ฮ่าๆๆ”
เห็นมั้ยถ้าเล่นหวยผมได้รางวัลที่หนึ่งไปละ
ไอจงอินพูดขึ้นเสียงดัง (แต่ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้เช้าอยู่ยังไม่มีใครมาหรอก) ก่อนจะลุกขึ้นมาตบไหล่ผมรัวๆ แล้วหัวเราะชอบใจใหญ่เลย
ไอที่บอกว่าเสียใจนี่แม่งประชดชัดๆอะ-_-;;
“ใจเย็นไอเหี้ย คิดไกลไปไหนวะ กูยังไม่ได้กับเขาซะหน่อย แล้วนั่น ชื่อแผนเหี้ยไรของมึงน่ะ รสเข้มพ่อง คิดนานมั้ย? -_-”
ผมตอบกลับไปก่อนจะส่ายหัวอย่างระอา
และนั่นก็ทำให้ไอจงอินหยุดหัวเราะลงในทันทีพร้อมๆกับที่ไอเซฮุนก็หันมามองด้วยความสงสัยเหมือนกัน
“ห้ะ นี่มึงหมายความว่าไงวะ?”
“หมายความว่าไงไอยอล?”
มันสองคนถามขึ้นมาพร้อมกันด้วยความสงสัย
“ก็ตามนั้นอะ กู!ยัง!ไม่!ได้!กับ!เขา! ชัดมั้ย?”
ผมตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ยิ่งทำให้ไอจงอินและไอเซฮุนงงกันเข้าไปใหญ่
เออเอาเข้าไป งงกันเข้าไป -_-;;
“เห้ยเป็นไปได้ไงวะ มึงปล่อยให้โอกาสดีดีแบบนี้หลุดรอดไปได้ยังไงไอเชี่ยยอลลลล”
ไอจงอินพูดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากของตัวเองแบบโคตรเสียดาย
“มันเกิดไรขึ้นวะ?”
ผิดกับไอฮุนที่หันมาถามผมเงียบๆ ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไรเหมือนกับอีกคนนึงเลยซักนิด
“เขาไม่สบายอะ กูเลยทำไม่ลง”
ผมตอบออกไปตามความจริง แต่ก็ไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดออกไปว่าเหมือนตัวเล็กจะไม่สบายหนักมาก เพราะไม่อยากตอบคำถามอะไรเพิ่มเติมน่ะ
“โหนี่มึงกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อก่อนนี่ไม่เห็นแคร์ใครเลย อยากซั่มก็ซั่มอะไอสัส”
ไอจงอินพูดขึ้นมาอีกรอบโดยที่คราวนี้ยกมือขึ้นมาผลักหัวของผมอีกต่างหาก
“หยุดโวยวายเถอะไอเหี้ย ไอยอลมันไม่ได้กับตัวเล็กของมันก็ดีแล้ว มึงจะได้ไม่แพ้พนันไงไอฟาย”
ตามมาด้วยไอเซฮุนที่พูดแทรกขึ้นมาด้วยความรำคาญ
เออขอบคุณนะมึง กูเองก็เริ่มหนวกหูละ
“โห่ กูยอมแพ้พนันเลย แม่งลุ้นไอยอลสนุกกว่าอีกนะมึง J
ไอจงอินตอบก่อนจะยกขาขึ้นมาควบเก้าอี้แล้วทิ้งตัวลงนั่ง
“เออลุ้นไปเหอะ มึงมันเหี้ย แบคฮยอนเขาบอบบางจะตายมึงยังจะยุให้ไอยอลได้กับเขาอีก..”
“โหมึงอย่าทำมาเป็นพูดดี มึงเองก็ขืนใจลูห่านจอมโวยวายเหมือนกันแหละครับไอฮุน สรุปในที่นี้กูอะดีสุดเพราะว่ากูยังไม่ได้พรากความบริสุทธิ์ของใคร... J
“โว้ะไอเหี้ย หุบปากไปเลยไป”
“น่ะ พอกูมาขุดเรื่องลูห่านของมึงมาพูด มึงก็ทำมาเป็นไม่พอใจ ไม่ยอมรับอะดิ้ว่ามึงก็เหี้ย..”
“หุบปากไปเลยเชี่ยจงอิน กูไม่คุยกับมึงแล้ว”
ไอเซฮุนตอบกลับก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้องเรียนทันที
“โห่ไอฮุน ทำงอนเหี้ยไรวะ เห้ยนั่นมึงจะไปไหน อย่างอนกูดิไอฟาย ..ไอยอลเดี๋ยวกูมานะ กูยังเสือกเรื่องของมึงไม่จบเลยแต่กูของ้อไอฮุนก่อน ..เห้ย ไอฮุน! รอด้วยดิวะรีบไปไหน!!
ไอจงอินมันหันมาบอกผมก่อนจะวิ่งตามไอฮุนออกไปข้างนอกอีกคนนึง คือทิ้งให้กูอยู่คนเดียวซะงั้นอะ -_- แต่นั่นก็ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าพอไอจงอินไป รอบๆตัวผมก็ตกอยู่ในความเงียบเลยทันที ไม่มีเสียงหนวกหูๆของมันมารบกวนแล้วล่ะ
คือเอาจริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอฮุนมันจะหงุดหงิดอะไรนักหนา แต่ตั้งแต่ผ่านวันนั้นมา.. เอ่อ หมายถึงวันที่มันได้กับลูห่านน่ะครับ ตั้งแต่วันนั้นเวลาไอจงอินแซวเรื่องมันกับลูห่านขึ้นมา มันก็จะบอกให้ไอจงอินหุบปากตลอดๆ แล้วถ้าไอจงอินไม่ยอมหุบปาก มันก็จะงอนอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ
พอผมไปถามว่ามันงอนอะไรนักหนา มันก็ตอบว่ามันไม่อยากพูดเรื่องนั้นอีก เรื่องนั้นมันจบไปแล้วก็ให้มันจบไป ลูห่านไม่ใช่สเป็คมัน มันไม่ชอบ วันนั้นที่มันทำไปเพราะว่ามันหมั่นไส้ที่ลูห่านเอาแต่แหกปากก็เท่านั้นเอง-_-
เหอะๆ

ติ๊ดๆ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว จู่ๆโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกางเกงของผมก็สั่นขึ้นมาซะก่อนพร้อมกับเสียงสัญญาณที่บอกว่ามีข้อความใหม่
ผมล้วงเข้าไปในกางเกงก่อนจะหยิบมันออกมา เมื่อเปิดดูที่หน้าจอก็พบว่าเป็นเบอร์ของใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่ได้เมมไว้ แต่พอเปิดเข้าไปดูเนื้อหาข้างในความสงสัยที่ว่าเป็นเบอร์ของใครมันก็จางหายไป ถูกแทนที่เข้ามาด้วยความสงสัยว่าเขาเรียกให้ผมไปทำไมมากกว่า

ตอนกลางวันมาหาเราที่ห้องสมุดหน่อยสิ
-          คยองซู         -


คยองซูนั่นเองที่เป็นคนส่งข้อความมาหาผม เขาคงจะไปเอาเบอร์ของผมมาจากใครซักคนนั่นแหละนะ หรือไม่ก็อาจจะสืบเอง แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก เรื่องที่ผมสงสัยอยู่ในตอนนี้มันก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละคือ...
ทำไมต้องห้องสมุด?
เรียกผมไปทำไม?
มีเรื่องอะไรเดือดร้อนรึเปล่านะ... ?

...................................


“ไอยอล ไปหาไรกินกัน”
ไอจงอินหันมาพูดกับผมทันที่ที่เสียงกริ่งบอกเวลาหมดคาบเรียนดังขึ้น ก่อนจะลุกเดินไปรอที่ประตูห้องอย่างรวดเร็วโดยมีไอเซฮุนเดินตามไปอีกคน
ส่วนผมเองก็ก้มลงเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นแล้วตามมันสองคนไปอีกเหมือนกัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมมีนัดกับคยองซูตอนบ่ายนี่หว่า
“เห้ย พวกมึงสองคนไปหาไรกินกันก่อนเลย เดี๋ยวกูไปหา...เอ่อ..ไปเอาของที่รถแปปนึง”
ผมหาข้ออ้างแล้วบอกออกไปทันทีที่นึกได้ ซึ่งไอเซฮุนก็หันมามองเหมือนจะสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ทำเพียงแค่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เฉยๆ
“ไอนี่ขี้ลืมจริง.. เออๆ รีบมาละกันนะมึง”
แล้วก็เป็นไอจงอินหันมาบอกแทน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายเหมือนกัน แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะผมก็ไม่ตอบอะไรมันกลับไปหรอกครับ แค่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้ ก่อนจะเดินหันหลังจากมาแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดที่คยองซูทำการนัดผมเอาไว้ในทันที

ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินเข้ามาอยู่ในตัวห้องสมุด มองซ้ายมองขวาอยู่สองสามรอบแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคยองซูเลยซักที และเพราะว่าในห้องสมุดนี้มีกฎระเบียบที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดนั้นก็คือห้ามคุยโทรศัพท์เด็ดขาด ผมเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่งข้อความไปยังเบอร์ของคยองซูแทน


อยู่ไหน?
ผมส่งข้อความไปหาคยองซูสั้นๆ
               
เรารอชานยอลอยู่โซนด้านในสุดเลยอะ
ยืนมองโทรศัพท์ตัวเองรออยู่ไม่นานก็มีข้อความของคยองซูตอบกลับมา

ผมมองข้อความในมืออย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังโซนด้านในสุดที่คยองซูบอกมาในทันที
“คยองซู”
ผมเอ่ยเรียกชื่อคยองซูออกมาเบาๆเมื่อผมพาตัวเองเดินเข้ามาแถวๆจุดที่เขาเป็นคนนัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ส่งสายตามองซ้ายมองขวาไปเรื่อยอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเขาอยู่ดี
นี่เขาจะเล่นอะไรกับผมกันแน่เนี่ย?
โซนด้านในสุดของห้องสมุดแห่งนี้ถูกจัดไว้เป็นโซนสำหรับหนังสือโบราณต่างๆที่ถูกขุดค้นพบเจอตั้งแต่ตอนที่แม่ของแม่ของแม่ผมยังไม่เกิดเลยล่ะมั้ง จริงๆผมว่ามันควรจะเอาไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ของโบราณแล้วมากกว่า แต่ทางโรงเรียนของผมอยากให้เด็กนักเรียนรุ่นหลังได้มาเห็นสิ่งของแบบนี้บ้าง ทางโรงเรียนเลยขอให้เอาเก็บไว้ที่ห้องสมุดแห่งนี้
ซึ่งผมว่ามันเป็นความคิดว่าไร้สาระสิ้นดีเลย เพราะโซนหนังสือโซนนี้มันเป็นโซนที่ไม่มีเด็กเข้ามาเลยแม้แต่นิดเดียว ใครจะไปอยากอ่านหนังสือเก่าคร่ำครึแบบนี้กันล่ะหืมๆๆ? แค่หนังสือปรกติธรรมดาทั่วไปผมยังไม่อยากจะแตะมันเลยด้วยซ้ำไป เปิดอ่านไม่กี่หน้าก็หลับเป็นตายละ
ผมเดินมองหนังสือที่ถึงแม้จะเก่าแก่โบราณแต่ก็ไม่มีฝุ่นแต่อย่างใดเพราะว่ามีแม่บ้านมาทำความสะอาดในนี้อยู่ทุกวันไปซักพั แต่คยองซูก็ยังไม่ออกมาหาผมอยู่ดี
นี่เขาไปไหนของเขาวะ?
นัดผมมาหาแต่ก็ไม่ยอมออกมาเจอเนี่ยนะ นี่มันทำให้ผมชักจะหงุดหงิดแล้วนะจริงๆ
ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา เตรียมจะกดส่งข้อความไปให้คยองซูอีกครั้งหนึ่ง กะจะบอกว่าถ้าเขาไม่ยอมออกมาหาผมในตอนนี้ผมจะกลับแล้วนะ
แต่แล้วความรู้สึกอุ่นๆก็ถูกสอดแทรกเข้ามาที่บริเวณเอวของผม ก่อนจะซึมซับมาที่แผ่นหลังกว้างอีกตามลำดับ
“ชานยอล คิดถึงจัง”
เป็นคยองซูนั่นเองที่เข้ามาสวมกอดผมไว้จากด้านหลัง ก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงอู้อี้เพราะว่าเขาซุกหน้าของตัวเองเข้ากับแผ่นหลังของผมเอาไว้
“คยองซู อะไรเนี่ย?”
ผมถามขึ้นเสียงเบาเพราะถึงแม้ที่นี่จะเป็นที่ลับตาคน แต่ผมก็ยังกลัวว่าเสียงของเราสองคนจะเล็ดรอดออกไปถึงหูของเจ๊บรรณารักษ์อยู่ดี ก่อนจะพยายามแงะมือของเขาให้ปล่อยจากเอวของผม เมื่อทำสำเร็จผมก็หันหลังไปหาคยองซูตัวน้อยในทันที
“ก็ตั้งแต่วันนั้น เราก็ไม่ได้คุยกับชานยอลอีกเลยอะ..คิดถึงจัง”
เขาพูดขึ้นเสียงเบาเช่นกันก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้ เขย่งเท้าขึ้นมาหาจากนั้นก็ส่งแขนกลมของตัวเองขึ้นมาคล้องคอผมไว้ เบียดลำตัวเข้ามาแนบชิดสนิทกันให้มากกว่าเดิม แล้วจมูกเล็กๆนั้นกดลงมาที่บริเวณแก้มของผมอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนมาชนกับสันจมูกของผมค้างไว้แบบนั้น จนหน้าผากของเราติดกันแล้วในตอนนี้
“ชานยอลคิดถึงเราบ้างรึเปล่า?”
เขาถามขึ้นเสียงเบาอีกครั้งหนึ่ง จมูกนิ่มยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆกับปลายจมูกของผมอยู่ไม่ไปไหน มีแต่ความเงียบจากผมเท่านั้นที่เป็นคำตอบแต่ก็ไม่รู้ว่ามือผมเลื่อนไปโอบรอบเอวของเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คยองซูช้อนสายตาขึ้นมามองผม ก่อนจะยกยิ้มอย่างชอบใจครั้งนึง แล้วริมฝีปากบางของเขาก็ทาบทับลงมาแนบชิดสนิทกันกับริมฝีปากของผมในทันที
เรียวลิ้นเล็กของคยองซูสอดแทรกเข้ามาในปากของผมอย่างชอบใจในณะที่ผมตวัดลิ้นชื้นกลับไปหยอกล้อกับเขาอีกเหมือนกัน
โอเค
ผมรู้..
ผมรู้ว่าผมควรหยุดตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ไม่งั้นเรื่องมันคงจะเลยเถิด แต่ผมก็ทำไม่ได้เลยเมื่อมือเล็กๆนั้นถูกส่งมาลูบไล้แถวบริเวณส่วนล่างของผม
คยองซูดูดกลึงกลีบปากของผมด้วยความโหยหา นิ้วเรียวยาวสอดเข้ามาในกลุ่มผมสีดำของผมแล้วขยุ้มเบาๆ ก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
ผมเท้าแขนไปรองตัวเองไว้ด้านหลังเมื่อคยองซูดันผมให้นั่งลงบนโต๊ะสำหรับใช้อ่านหนังสือ ก่อนจะเชิ่ดหน้าขึ้นเมื่อเขาไล่ริมฝีปากร้อนลงไปบริเวณลำคอของผมแล้วจูบซับเบาๆ สองมือเล็กของคยองซูเลื่อนลงไปลูบไล้แถวส่วนล่างของผมอย่างเบามือ ก่อนจะปลดกระดุมและซิบออกแล้วล้วงเข้าไปกอบกุมแกนกายของผมที่เริ่มแข็งตัวเอาไว้ในฝ่ามือร้อน ดึงมันออกมาสู่โลกภายนอกแล้วรัวมือรูดขึ้นลงจนผมต้องเงยหน้าขึ้นซี๊ดปาก
“อะ..อ่าคยองซู..”
ริมฝีปากของคยองซูยกยิ้มอย่างชอบใจเมื่อผมเริ่มโอนอ่อน มือบางของคยองซูเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามอารมณ์ราคะที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างมากมายก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าให้ระดับหน้าของตัวเองอยู่เทียบเท่าหน้าขาของผม ริมฝีปากร้อนจูบซับไปที่ส่วนปลายมนของท่อนเนื้อแข็งแรงเบาๆ ในขณะที่มือนิ่มก็ยังคงรูดรั้งต่อไปไม่ปล่อยไปไหน ก่อนจะครอบครองมันเข้าไปด้วยริมฝีปากร้อนของตัวเอง
คยองซูห่อปากน้อยๆเพื่อให้แกนกายแข็งแรงของผมสอดใส่เข้าผ่านริมฝีปากบางของเขาได้สะดวกขึ้นโดยไม่โดนกับฟันคม ลิ้นร้อนของเขายังทำหน้าดีได้ดีเสมอเมื่อเขาใช้มันดูดดุนตรงส่วนปลายและลามเลียไปทั่วแท่งเนื้อร้อนราวกับว่ามันเป็นขนมแสนหวาน
ผมหลับตาเงยหน้าขึ้นซี๊ดปากด้วยความเสียว สองมือกดหน้าของคยองซูตัวน้อยให้จมอยู่ตรงหว่างขา สอดนิ้วเรียวยาวเข้าไปกอบกำเส้นผมนุ่มของคยองซูเพราะความซ่านที่พวยพุ่ง รู้สึกเสียวแท่งร้อนของตัวเองจนแทบทนไม่ไหว
คยองซูเร่งจังหวะในการใช้ปากของเขาให้มันมากขึ้นไปอีก ทำให้ผมต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้เพื่อหักห้ามเสียงอันสุขสมของตัวเอง
“อ่ะ..อ่า..คยองซู...อึก!
ผมปล่อยให้คยองซูทำหน้าที่ของตัวเองไปอีกไม่นาน หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นก็ปลดปล่อยเข้าไปในกรอบปากเล็กของเขาจนหมดสิ้น คยองซูกลืนน้ำรักของผมเข้าไปอย่างไม่รังเกียจ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาลึกซึ้ง แลบลิ้นเลียปากของตัวเองก่อนจะยกยิ้มอย่างชอบใจ ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นแล้วประทับจูบลงมาอีกหน
เราสองคนตวัดเรียวลิ้นล้อเล่นกันอยู่อย่างนั้นซักพั ผมก็จัดพลิกตัวคยองซูให้ลงมานอนหงายลงบนโต๊ะเย็นเฉียบโดยที่ยังไม่ผละริมฝีปากออกจากเขา สองมือหนาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของร่างกายอย่างชอบใจ คยองซูส่งมือเล็กไปจับไว้ที่ขอบโต๊ะเพื่อใช่เป็นที่พึ่ง เมื่อร่างกายบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านตอนที่ผมล้วงมือหนาเข้าไปสะกิดตุ่มไตแข็งชูชันที่อยู่ใต้เสื้อนักเรียนตัวบาง
ไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์ของผมถึงได้พลุ่งพล่านมามายจนถึงเพียงนี้
อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ที่ยังค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนก็เป็นได้?
อ่า.. มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
ผมริดกระดุมเสื้อของคยองซูออกอย่างง่ายดาย ลากริมฝีปากร้อนจูบซับไปทั่วลำคอขาวระหงส์ของเขาก่อนจะเลื่อนลงมาดูดดุนไปที่บริเวณยอดถันสีชมพูอ่อนของคยองซูจนร่างกายเล็กๆนั้นบิดเกร็ง
“อ่ะ..อ๊าชานยอล..”
คยองซูหลับตาครางออกมาเสียงกระเส่าอย่างไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เมื่อมือหนาของผมล้วงเข้าไปกอบกุมแกนกายนั้นของเขาแล้วเริ่มรูดขึ้นลงจนมันแข็งสู้มือในขณะที่ลิ้นร้อนยังคงไล้วนอยู่รอบยอดอกสีชมพูของเขาอยู่ไม่ห่าง
มือเล็กของคยองซูส่งมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของผมออกอย่างรีบร้อน งอตัวขึ้นมาซุกไซร้ใบหน้าอยู่กับหน้าท้องที่เป็นลอนสวยงามของผม ริมฝีปากเล็กๆนั้นพรมจูบไปทั้วหน้าท้องจนผมต้องบิดเกร็ง นัวเนียกันอยู่แบบนี้ทั้งเขาและผมก็แทบจะทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้วครับ
ผมพลิกตัวของคยองซูให้แผ่นหลังของเขาหันมาแนบชิดกับอกแกร่งของตัวเอง และคยองซูเองก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีเมื่อเขาเอาแขนเล็กๆยันไว้กับโต๊ะที่รองรับเราสองคนอยู่ด้านหน้า ก่อนที่กางเกงตัวน้อยของคยองซูจะถูกจัดให้ร่นลงไปอยู่ที่หัวเข่าโดยฝีมือของผมเอง มือหนาลูบไล้ไปทั่วบั้นท้ายกลมมนของเขา ผมแลบลิ้นเลียปากของตัวเองอย่างชอบใจ  แล้วคยองซูก็หันหน้ามามองผมด้วยแววตาเว้าวอน
                “ขะ..เข้ามาเถอะชานยอล..”
                ริมฝีปากของผมยกยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ไม่รออะไรแล้วล่ะนะ ผมจับแกนกายร้อนของตัวเองมารูดรั้งอยู่สองสามทีเพื่อเตรียมที่จะสอดใส่...

ตุบ!!

แต่แล้วผมก็ได้ยินอะไรบางอย่าง เสียงที่ดังเหมือนสิ่งของตกกระทบกับพื้นทำให้ผมหยุดชะงัก ผละออกมาจากคยองซูที่ดูเหมือนจะตกใจอยู่เหมือนกันแล้วรีบใส่กางเกงของตัวเองให้เรียบร้อย
ก่อนที่ดวงตาของผมจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อหันไปเห็นแขกผู้มาเยือนคนใหม่
ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่เข้าใจก่อนที่หยาดน้ำใสจะเอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันสนิทแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆด้วยความไม่เข้าใจ ขาทั้งสองข้างค่อยๆก้าวถอยหลังออกไปจากผมในขณะที่ผมเองก็เดินเข้าไปหาเขาด้วยเหมือนกัน
และด้วยความรวดเร็ว เขายกมือบางขึ้นมาปาดน้ำตาที่ร่วงไหลของตัวเองอย่างลวกๆ แล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไปจากผมในทันที
“ตะ..ตัวเล็ก!
ผมร้องเรียกของเขาเสียงดังก่อนจะออกแรงวิ่งตามไป ถ้าไม่ติดว่าแรงกระชากจากที่ด้านหลังผมก็น่าจะไล่ตามเขาทันแล้วแท้ๆ
“ชะ..ชานยอล”
คยองซูนั่นเองที่พุ่งเข้ามาสวมกอดผมไว้จากด้านหลัง แล้วออกแรงดึงผมไว้ไม่ให้ผมตามคนตัวเล็กไป
“คยองซู ปล่อยเราก่อน”
ผมพูดออกไปโดยที่ยังชะเง้อมองหาคนตัวเล็กไปด้านหน้า พยายามแงะมือของคยองซูให้ปล่อยผมออกแต่เหมือนเขาจะยิ่งรัดผมแน่นมากขึ้นไปอีก
“เดี๋ยวค่อยตามไปไม่ได้หรอชานยอล...ฮึก..อยู่กับเราก่อน”
ความอุ่นจากหยาดน้ำตาของคยองซูที่ซึมผ่านเสื้อเข้ามาบวกกับเสียงสะอื้นน้อยๆนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ คยองซูซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังของผม เขากอดผมเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป
“คยองซู...”
“ชานยอลอยู่กับเราก่อนแล้วค่อยตามแบคไปไม่ได้หรอ นะ..ต่อเรื่องของเราก่อน.. ฮึก..ชานยอลจะทิ้งเราหรอ..”
เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงอู้อี้ก่อนจะคลายกอดผมแล้วดึงผมให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาช้อนสายตามองด้วยความรู้สึกหลากหลาย หยาดน้ำตาที่ไหลออกมานั้นทำให้ผมใจอ่อน
ผมยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ข้างแก้มของคยองซูออกให้เบาๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบซับที่บริเวณข้างแก้ม
“จะให้เราปล่อยตัวเล็กไปหรอคยองซู?”
ผมเอ่ยถามเขาอย่างไม่แน่ใจ
ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ หัวใจของผมกำลังสับสนไปหมด ใจนึงผมเป็นห่วงคนตัวเล็กที่วิ่งออกไปแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรบ้างแต่ดูจากเหตุการณ์ผมมั่นใจว่าเขาเรื่องระหว่างผมกับคยองซูอย่างแน่นอน แต่อีกใจนึงผมก็ไม่รู้จะทิ้งคยองซูไปได้ยังไงเมื่อเขายังคงร้องไห้อยู่แบบนี้ ไหนจะความปวดหนึบที่จุดศูนย์กลางของร่างกายเนื่องจากยังไม่ได้ปลดปล่อยนั่นอีก
ผมควรทำยังไงดี?
“แบคไม่ไปไหนหรอก.. ต่อเรื่องของเราก่อนได้มั้ย.. นะชานยอล..นะ”
คยองซูพูดขึ้นเสียงเบาก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นมาทาบริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา สองแขนดึงร่างของผมให้เข้าไปเบียดแนบชิดกับตัวเองพร้อมกับแอ่นลำตัวดันที่หว่างขาของผมเพื่อหยอกล้อ แล้วสติแห่งความยับยั้งชั่งใจของผมก็ขาดผึงออกจากกันในทันทีด้วยอารมณ์แห่งกามที่แทรกเข้ามาแทนที่
ผมกดคยองซูลงกับโต๊ะตัวเดิมอีกครั้ง ปลดซิบกางเกงของตัวเองแล้วดึงแท่งเนื้อร้อนที่ตื่นตัวจนรู้สึกปวดหนึบออกมาภายนอกในขณะที่คยองซูเองก็จัดการถอดกางเกงของตัวเองออกในทันที
ขอโทษนะตัวเล็ก..
ขอให้ผมเสร็จกิจตรงนี้ก่อน...
แล้วผมจะตามไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังทีหลัง
...
..

.



กลับไปเม้น http://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=883907

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น